วันเสาร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียนครั้งที่ 16 วันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2560

เนื้อหาที่เรียน

บทบาทของครู 
       -ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
       -ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
       -จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
       -ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง 

     การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
1.    ทักษะทางสังคม
       -เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
       -การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
       พูดกับเด็กเยอะๆเพื่อให้เด็กมีปฏิสัมพันธ์

      กิจกรรมการเล่น(อยากเล่นแต่ไม่รู้วิธีการเล่น)
       -การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
       -เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
       -ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง

      ยุทธศาสตร์การสอน
        -เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
        -ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
        -จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
        -ครูจดบันทึก
        -ทำแผน IEP
       
       การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
        -วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
        -คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
        -ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
        -เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน ครูให้เด็กพิเศษเรียนรู้ด้วยการเลียนแบบ เช่น ทำตามเพื่อน

ครู    ปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
-อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
-ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
-ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป อย่าชมเชยที่ผลงานเด็ก ให้ชมเด็กเกี่ยวกับการกระทำ เช่น ตั้งใจทำงานมากเลย ทำงานจนเสร็จเลย
-เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น อย่าให้เล่นของเล่นหลายๆชิ้น ค่อยๆให้ทีละชิ้น
-ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
   
      การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
       -ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
       -ทำโดย การพูดนำของครู
    
      การเข้าหาเด็กพิเศษ(การให้เด็กพิเศษเข้าไปเล่นกับกลุ่มเพื่อน)
       1.เรียกชื่อ
       2.สัมผัสตัว เช่น จับไหล่ จับมือ
       3.ลองถามว่าอยากเข้าไปเล่ยไหม ถ้าเด็กไม่ตอบให้ถามซ้ำ ถ้าถามซ้ำแล้วเด็กยังไม่ตอบให้เราสรุปคำตอบให้เลย เช่น อยากเล่นทรายใช่ไหมลูก ป้ะไปเล่นทรายกัน
       4.ก่อนเด็กเข้าไปเล่น อาจมีของเล่นให้เด็ก เพื่อสร้างความสนใจให้เพื่อน(ช่วงแรกครูควรนั่งอยู่ด้วย)
        
       ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์ เรียนรวมเด็กทุกคนเท่าเทียมกัน
       •ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
       •การให้โอกาสเด็ก
       •เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
       •ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง

       2. ทักษะภาษา
       -เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
       -ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
       -ถามหาสิ่งต่างๆไหม
       -บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม   
       -ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม

       การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด
        -การพูดตกหล่น
        -การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง
        -ติดอ่าง

       การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
        -ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
        -ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด
        -อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
        -อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
        -ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
        -เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยินให้พูดว่า หนูพูดใหม่อีกทีซิลูก ครูได้ยินไม่ถนัด
  
       ทักษะพื้นฐานทางภาษา
       -ทักษะการรับรู้ภาษา
       -การแสดงออกทางภาษา
       -การสื่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด

       พฤติกรรมตอบสนองการแสดงออกทางภาษา


       พฤติกรรมเริ่มการแสดงออกของเด็ก




ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
   •การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
ให้เวลาเด็กได้พูด
คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
ใช้คำถามปลายเปิด
เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
ร่วมกิจกรรมกับเด็ก

        การสอนตามเหตุการณ์(Incidental Teaching)

 

         น้องทำอะไรอยู่ ก็สอนตอนนั้นเลย
         เช่น ใส่ผ้ากันเปื้อน แต่น้องใส่ไม่ได้ ครูเข้าไปช่วยด้วยการจับมือเด็กใส่ ครูอย่าเข้าไปทันที ให้สังเกตก่อน ถ้าเห็นว่าทำไม่ได้แน่ๆให้เข้าไปช่วยด้วยการเรียกชื่อ สัมผัสตัว แล้วเข้าไปถามว่าทำอะไรอยู่ค่ะ

3.     ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด  การกินอยู่   การเข้าห้องน้ำ   การแต่งตัว   กิจวัตรต่างๆในชีวิตประจำวัน
      
      การสร้างความอิสระ
       -เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
       -อยากทำงานตามความสามารถ
       -เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่

               
       ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
         -การได้ทำด้วยตนเอง
         -เชื่อมั่นในตนเอง
         -เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
   
       หัดให้เด็กทำเอง
        -ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
        -ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
        -ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
        -“หนูทำช้า”  “หนูยังทำไม่ได้” 

       จะช่วยเมื่อไหร่
        •เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร, หงุดหงิด, เบื่อ, ไม่ค่อยสบาย
        •หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
        •เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
        •มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม





       ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง(การย่อยงาน)
       •แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
       •เรียงลำดับตามขั้นตอนการบอกเป็นลำดับขั้นตอน ในการทำงานแต่ละชิ้น

       การเข้าส้วม
        •เข้าไปในห้องส้วม
        •ดึงกางเกงลงมา
        •ก้าวขึ้นไปนั่งบนส้วม
        •ปัสสาวะหรืออุจจาระ
        •ใช้กระดาษชำระเช็ดก้น
        •ทิ้งกระดาษชำระในตะกร้า
        •กดชักโครกหรือตักน้ำราด
        •ดึงกางเกงขึ้น
        •ล้างมือ
        •เช็ดมือ
        •เดินออกจากห้องส้วม



สรุป
        •ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
        •ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
        •ความสำเร็จขั้นเล็กๆนำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล  
        •ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
        •เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ



4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
เป้าหมาย
        •การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
        •มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
        •เด็กรู้สึกว่า ฉันทำได้
        •พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
        •อยากสำรวจ อยากทดลอง

       ช่วงความสนใจ
        •ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
        •จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร

       การเลียนแบบ

       การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
         •เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
         •เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
         •คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่

การรับรู้ การเคลื่อนไหว
            ได้ยิน เห็น สัมผัส ลิ้มรส กลิ่น >> ตอบสนองอย่างเหมาะสม
       
       การควบคุมกล้ามเนื้อเล็ก
      การกรอกน้ำ ตวงน้ำ
      ต่อบล็อก
      ศิลปะ
      มุมบ้าน
      ช่วยเหลือตนเอง


ตัวอย่างอุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
      ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
      รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก



ความจำ
        •จากการสนทนา
        •เมื่อเช้าหนูทานอะไร
        •แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง
        •จำตัวละครในนิทาน
        •จำชื่อครู เพื่อน
        •เล่นเกมทายของที่หายไป
       
       การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ
        •จัดกลุ่มเด็ก
        •เริ่มต้นเรียนรู้โดยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ
        •ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนว่าต้องทำที่ไหน
        •ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง
        •ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
        •ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย
        •บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุด
        •รู้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน
        •มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือ
        •เตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง
        •พูดในทางที่ดี
        •จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว
        •ทำบทเรียนให้สนุก




ประเมินตนเอง : การเรียนในวันนี้ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่อาจารย์สอนคอยจดบันทึกสิ่งที่เรียนทำความเข้าใจในสิ่งที่อาจารย์สอนให้มากที่สุด
ประเมินเพื่อน : เพื่อนๆทุกคนให้ความร่วมมือในการเรียนในวันนี้อาจารย์ให้เพื่อนออกไปทำกิจกรรมหน้าชั้นเรียนเพื่อนๆก็คอยให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่และสนุกกับกิจกรรมที่อาจารย์ให้ทำเสมอ
ประเมินอาจารย์ : อาจารย์สอนแล้วเข้าใจง่ายสรุปใจความสำคัญในการเรียนให้นักศึกษาเข้าใจได้มากที่สุดสอนพูดคุยและยกตัวอย่างให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนมีกิจกรรมที่ให้นักศึกษาได้ทำภายในชั้นเรียนจนไม่น่าเบื่อเกินไป




วันศุกร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ.2560
การเรียนครั้งที่ 15

“นักศึกษาไปเข้าค่ายผู้กำกับลูกเสือ”



วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ.2560
การเรียนครั้งที่ 14

“วันหยุดช่วงวันสงกรานต์”



วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ.2560
การเรียนครั้งที่ 13

“อาจารย์ติดงานราชการ”



 วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ.2560
การเรียนครั้งที่ 12

“ไม่มีการเรียนการสอน”